เพราะว่าความฝันอันสูงสุดของเหล่า เดอะ ค็อป คือแชมป์พรีเมียร์ลีก เพราะว่าโดนทีมคู่แข่งล้อถากถางมาหลายขวบปี พอได้เป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี ก็เหมือนมีมารผจญ เพราะเป็นการได้ตอนที่ โรคโควิดระบาด จนหมดสิทธิที่จะเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่แบบที่ควรจะเป็น

วันเวลาผันผ่าน เจอร์เก้น คล็อปป์ อำลาตำแหน่ง ทำเอาหลายคนคาดหวังว่าขอแค่ติดท็อปโฟร์ ไปเล่นถ้วยหูโตก็พอ แต่กลายเป็นว่า อาร์เน่อ ชล็อต ที่เข้ามารับงานปีแรก กลับทำผลงานได้อย่างโดดเด่น อาจจะมีสะดุดเสมอไปบ้าง แต่หลัก ๆ แล้วก็ชนะต่อเนื่อง จนถึงปัจจุบันจบนัดที่ 29 มี 70 คะแนน ทิ้งห่าง อาร์เซนอล ผู้ท้าชิงอยู่ถึง 12 คะแนน

แต่ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่าจนถึงตอนนี้ แฟนบอล ลิเวอร์พูล เองหลายคนไม่มั่นใจว่าจะคว้าแชมป์ได้หรือไม่ ทั้งที่ขอเพียงชนะอีกแค่ 5 เกมจาก 9 นัด ก็ไม่ต้องสนผลงานของฝั่ง ‘ปืนใหญ่’ แล้วว่าจะชนะรวดได้หรือไม่ แล้วต้องไม่ลืมว่ายิ่งทีมของ มิเกล อาร์เตต้า ทำแต้มหล่นเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งสบายใจขึ้นได้เท่านั้น

แต่เอาน่ะเรื่องพวกนี้ ห้ามความคิดกันก็คงจะไม่ได้ เพราะว่าดันเพิ่งอกหักมาติด ๆ กับการตกรอบ ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก เพราะความยอดเยี่ยมของ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เช่นเดียวกันกับ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ที่ทำได้ดีกว่าในรอบชิงชนะเลิศ คาราบาว คัพ

ซึ่งเอาจริง ๆ เหล่ากองเชียร์ของทีมชื่อดังจากย่านเมอร์ซี่ย์ไซด์ ควรจะสบายใจในการไล่ล่าแชมป์ พรีเมียร์ลีก มากยิ่งขึ้น เพราะว่าการไม่มีโปรแกรมการแข่งขันในเวทียุโรปแล้ว มันจะทำให้พวกเขาได้พักเต็มสัปดาห์ ก่อนจะลงแข่งในแต่ละนัด ไอ้อาการแข้งขาอ่อนแรง ที่เห็นกันใน 2 นัดหลังสุด มั่นใจได้เลยว่ามันจะเปลี่ยนเป็นวิ่งแบบพลังม้าหลังเบรคทีมชาติครั้งนี้แน่ ๆ

สำหรับคู่แข่งที่ ลิเวอร์พูล ต้องเจอในอีก 9 นัดที่เหลือประกอบด้วย เอฟเวอร์ตัน, ฟูแล่ม, เวสต์แฮม, เลสเตอร์, สเปอร์ส, เชลซี, อาร์เซนอล, ไบรท์ตัน และ คริสตัล พาเลซ โอเคแหละว่าต้องเจอกับทั้งทีมคู่แข่งร่วมเมือง บิ๊กซิกซ์ หรือหนีตกชั้น แต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน ถ้ายังไปไม่ถึงการชูถ้วยตอนจบฤดูกาล มันคงจะกลายเป็นการพลิกแซงระดับตำนาน ยิ่งกว่าที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปาดหน้า นิวคาสเซิล ในปี 1996 ซะอีก

เอาแฟนว่าสิ่งที่สาวก ‘หงส์แดง’ ควรต้องทำในเวลานี้คือการพักผ่อนให้เพียงพอ นอนให้เยอะ ๆ ทำใจให้สบาย หายใจเข้าลึก ๆ แล้วนับถอยหลังรอการกลับมาลงสนามอีกครั้งในสัปดาห์หน้า แล้วรออีกสักนิด ลุ้นแค่ว่าจะได้อย่างเป็นทางการวันไหน แล้วค่อยดูการชูถ้วยหลังจบนัดที่ 38 

ที่เขียนมาทั้งหมด ก็ไม่ได้อยากจะมั่นใจ แต่ถ้ามันวืดขึ้นมา ก็บอกเลยว่าตัวใครตัวมัน พร้อมกับทิ้งท้ายไปด้วยกันว่า You’ll Never Walk Alone

เขียนโดย LS Sport 

ข่าวกีฬาคนรุ่นใหม่ 24 ชั่วโมง